วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

เรื่องที่ ๑๔ เมื่อผมได้ทุนดูงานจาก JICA ตอนที่ ๒


ความเดิมต่อเนื่องจากตอนที่ ๑ เรื่องที่ ๑๓ เมื่อผมได้ทุนดูงานจาก JICA ตอนที่ ๑

ในที่สุดผมก็ได้นั่งเครื่องบินชั้น Business class ของ JAL จากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังสนามบิน Narita ประเทศญี่ปุ่น เราไปถึง Narita อย่างปลอดภัยประมาณ ๗ โมงครึ่งตามเวลาท้องถิ่น รอเอากระเป๋าเสร็จเรียบร้อยประมาณ ๘ โมง ต้องรีบออกไปผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง เพราะเราต้องขึ้นเครื่องต่อไป Fukuoka เที่ยวบินเวลา ๐๙.๔๕ น.
เมื่อออกมาถึง ต.ม.ตกใจเลยครับเพราะแถวยาวมาก ดูแล้วเราไม่น่าจะไปขึ้นเครื่องทันเวลา จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ต.ม.ที่ยืนกำกับแถวอยู่ว่าเราจะต้องรีบไปขึ้นเครื่องต่อไป Fukuoka เวลา ๐๙.๔๕ น. เราเป็นแขกของ JICA พร้อมกับเอาหนังสือเชิญภาษาญี่ปุ่นให้ดู เขารีบพาเรา ๔ คนลัดคิวไปช่องทางด่วน เราเลยรู้ว่าในเที่ยวบินจากสุวรรณภูมิมีคณะจากประเทศอื่นมาพร้อมกับเรา ทุกคนบินจากประเทศตนเองมาต่อเครื่อง JAL ที่สุวรรณภูมิ คณะอื่นๆเลยพลอยใบบุญเรามาทางลัดผ่าน ต.ม. ใช้เวลาแสกนนิ้วแป๊บเดียว ไม่ถามออะไรมากเพราะมีบัตรเบ่งจาก JICA เราเลยไป check in เครื่อง ANA All Nippon Airways ได้ทันเวลา

เมื่อถึงสนามบิน Fukuoka มีเจ้าหน้าที่ของ JICA มายืนถือป้ายรอรับ พอคณะเราพร้อมแกก็พาเดินลากกระเป๋าไปขึ้นรถมินิบัสที่แกเป็นพนักงานขับรถเอง ที่ตลกคือเราออกมาเที่ยงกว่าแกไม่พูดถึงเรื่องกินอาหารเลย เราก็คิดว่าคงใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปที่พักไม่นานมาก เอาเข้าจริงเราใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน Fukuoka ไปยัง JICA Kyushu International Center ที่ Kitakyushu ประมาณ ๑ ชั่วโมงนิดๆ
JICA Kyushu International Center ที่ Kitakyushu นี่ถือเป็น campus ใหญ่ มีที่พัก สถานที่ฝึกอบรม โรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

เมื่อถึงที่หอพักมีเลซองเป็นผู้หญิง ๒ คนมาต้อนรับ แจก JICA Pass card ซึ่งเป็นบัตรที่เราต้องแขวนตลอดเวลาที่อยู่ที่ JICA Kyushu International Center และใช้เป็นคีย์การ์ดห้องพักให้เราเอาข้าวของไปเก็บแล้วลงมาพบกัน
เราลงมาแกก็ตั้งท่าจะอธิบายอะไรให้ฟัง พวกเราเลยบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย แกเลยพาไปที่ cafeteria ซึ่งอีก ๑๕ นาทีจะปิด เราต้องไปเรียนรู้การสั่งอาหารด้วยระบบกดเมนูที่ตู้แล้วจ่ายเงินกับตู้ได้บัตรคิว ไปรอรับอาหาร มื้อนั้นสั่งมั่วๆไปแต่อร่อยมากเพราะหิว และโชคดีที่แลกเงินเยนติดตัวไปบ้างแล้ว
หลังจากอิ่มหมีพีมัน เราก็ออกมาฟังเลซองบรรยายวิธีปฏิบัติตัวในการพักที่หอพัก และแจ้งโปรแกรมของวันรุ่งขึ้นว่าจะต้องทำอะไรกันบ้าง ก่อนจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำพักผ่อนตามอัธยาศัย เพราะเหนื่อยกับการเดินทางไกล



หอพักของ JICA Kyushu International Center ที่ Kitakyushu








JICA Pass Card

อาหารมื้อแรก หิวจนลืมถ่ายรูป





อิ่มแล้วมานั่งฟังเลซองบรรยาย

เย็นนั้นพวกเราหมอไทย ๔ คนนัดไปกินมื้อเย็นด้วยกัน ตั้งใจว่าจะไปหาพวกราเมงอร่อยๆกินกัน เจอน้องวิศวกรคนไทยจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งที่รับทุน JICA มาฝึกงาน ๑ ปี น้องเลยพาเดินไปใกล้ๆที่พัก เป็นร้านขายราเมงร้านเล็กๆแต่จัดร้านได้สวยงาม เข้าไปในร้านจึงพว่าเป็นร้านแบบครอบครัวมีป้าอายุประมาณ ๗๐ กว่าปีอยู่ในชุดยูกาตะคอยต้อนรับ มีสามีในวัยเดียวกันเป็นคนปรุงราเมงตามสั่ง ทั้ง ๒ คนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เห็นเมนูแล้วสั่งไม่ถูกเลยเพราะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น ป้าแกเห็นเราเป็นคนต่างชาติก็เลยเดินไปหยิบเมนูที่เป็นรูปภาพมาให้พวกเราเลือก จะเป็นชุดคือมีราเมงและอย่างอื่นประกอบด้วย เมื่อชุดที่แต่ละคนสั่งมาถึง ด้วยความมีไมตรีจิตรเต็มไปด้วย service mind ป้าแกจะยืนดูว่าเรากินเป็นหรือเปล่า พอเห็นเราเก้ๆกังๆแกรีบกุลีกุจอมาแนะนำด้วยการชี้ให้เราหยิบโน่นไปปรุง หยิบนั่นไปผสมกับไอ้นี่ด้วยสีหน้านิ้มแย้มตลอดเวลา เรื่องรสชาตินี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ผมว่าอร่อยกว่าราเมนร้านดัง ๒-๓ เจ้าในบ้านเราเยอะเลย สำหรับราคาแต่ละชุดก็ตกประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ บาท หลังจากกินอิ่มก็เดินย่อยอาหารรอบๆที่พักซึ่งสงบเงียบมาก แทบจะไม่มีรถยนต์เลย เดินสักพักก็กลับเข้าห้องพักกัน ในห้องพักก็เหมือนหอพักนักศึกษาทั่วไปห้องไม่ใหญ่แต่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ไม่มี wifi แต่มีสาย LAN ให้ใช้อินเตอร์เน็ตได้ฟรี ผมมีโน๊ตบุ๊คติดไปด้วยเลยสบาย คนที่ใช้สมาร์ทโฟนแย่หน่อย คืนนั้นหลับสบายเพราะอ่อนล้ามาจากการเดินทาง




บรรยากาศภายในร้านราเมง
อุปกรณ์และเมนูมาตรฐานบนโต๊ะ
เมนูภาพสำหรับชาวต่างชาติ

ชุดที่ผมสั่งหน้าตาสวยและอร่อย



ภายในห้องพัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น